ผมขออนุญาตนำบทความของคุณดัส จากเว็บ Pixpros.net บางส่วนมานำเสนอเป็นตัวอย่างน่ะครับ
ถ้าวันนี้จะเริ่มถ่ายภาพ มาโคร ?? จะต้องมีอะไรบ้าง
1. กล้อง อิอิ แน่นอน ต้องมี
ถ้าเป็นกล้อง DSLR ก็ต้องดูต่อ แต่ถ้าเป็นกล้อง compact
ทุกกล้องสามารถถ่าย มาโครได้ ให้หาคู่มือมาดู แล้ว อ่านไปจนกระทั่งสามารถปรับกล้อง
เข้าสู่ โหมด มาโคร ได้นะจ๊ะ
2. เลนส์มาโคร สำหรับพวก DSLR เลนส์นี้จะมีคุณสมบัติพิเศษ
สามารถทำให้เราเข้าใกล้วัตถุได้มาก เมือเข้าใกล้ได้มาก ทำให้วัตถุนั้น มีขนาดใหญ่ขึ้น
ตามลำดับ
ทีนี้ ถ้าไม่มีเลนส์มาโคร ก็อย่างที่บอก ... อาจใช้เลนส์ tele แทนได้ ซึ่งจะได้อธิบายต่อไป
3. Flash ไม่แนะนำแฟลชหัวกล้อง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องใช้
4. สายลั่นชัตเตอร์ และ สายแยกแฟลช .... สายลั่นชัตเตอร์ ไม่บังคับว่าต้องมี
แต่ถ้ามี จะทำให้การถ่ายสะดวกดาย
5. ขาตั้งกล้อง .... ถ้าถ่ายคนเดียว อาจต้องใช้ แต่ถ้าถ่ายหลายคน แบบ มาโครสามัคคี ก็ไม่ต้อง
สำหรับท่านที่ยังไม่มีขาตั้งกล้อง แนะนำให้ซื้อแบบกางราบได้ ... เผื่อเจอทากและอยากถ่าย จะได้กางได้
6. อุปกรณ์ประกอบฉาก ได้แก่ ผ้าดำ กระจก ฟอกกี้ กระดาษฟรอยด์ ฝากระป๋องนม ....
เมื่อมีอุปกรณ์ครบแล้ว ก็ไปเริ่มถ่ายมาโครกันได้เลย
เมื่อเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อย .... (สมมติว่ามีก็แล้วกันนะ)
เริ่มไปถ่ายมาโครกันได้เลย
ก่อนอื่น ต้องเอาความชอบส่วนตัวก่อนว่า อยากได้ภาพมาโครของอะไร
บางคนชอบดอกไม้
บางคนชอบแมลง
บางคนชอบสัตว์ที่น่ากลัวกว่านั้น
บางคนอาจชอบอะไรที่เป็นนามธรรม เช่น หยดน้ำ หรือ ซากจักจั่น อะไรประมาณนี้
เมื่อเลือกวัตถุที่จะถ่ายได้แล้ว ก็หาว่า ที่ที่วัตถุนั้นอยู่หน่ะ มันที่ไหน เราจะไปถ่ายได้อย่างไร จัดแจงทุกอย่างเสร็จก็ไป
เมื่อมาถึงที่ เอ้ย ถึงสถานที่ที่จะถ่ายแล้ว .... แน่นอน ทุกคนมีเป้าหมายใจดำแล้วว่าจะถ่ายอะไร
ถ้ายังไม่รู้ ก็ลองมอง ๆ หาสิ่งที่เราสนใจ อ๊ะ พบแล้ว (สมมติ) ว่าจะถ่ายอะไรซักอย่างหนึ่ง
การเลือกวัตถุที่จะถ่าย มีหลักการอย่างนี้นะ
1. อย่าเพิ่งรีบถ่าย ... บางคนเห็นดอกไม้ ก็รีบถ่าย เห็นแมลงก็รีบถ่าย พิจารณาอะไรซักนิดหน่อย
2. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสิ่งที่จะถ่าย
หลายคนมองข้ามจุดนี้ ภาพเลยออกมาด้อย โดยเลี่ยงไม่ได้
จะถ่ายดอกไม้ก็เลือกดอกให้มันสวยหน่อย สมบูรณ์หน่อย กลีบดอกครบถ้วน ไม่ขาดไม่แหว่ง หรือโดนแมลงกัดแทะ สีสันสวยงาม
จะถ่ายแมลงก็เลือกหน่อย ... เอาที่มันน่าสนใจ อาจเป็นเรื่องสี หรือผิวหนัง หรือ อะไรก็ได้
3. ตรวจสอบองค์ประกอบรอบข้าง ว่าเอื้ออำนวยให้ภาพสวยหรือไม่
บางที่สิ่งที่เราจะถ่ายมันอยู่ท่ามกลางสิ่งไม่น่าถ่าย เช่นนนน
ผีเสื้อกำลังเกาะอยู่ที่ซากต๊ะแตนตาย หรือ หนอนกะลังเกาะ ..... คลี่ อยู่ นี่ก็ไม่น่าถ่าย
ดังนั้น ก่อนถ่ายมาโคร สิ่งที่ต้องทำ เน้นเลยนะจ๊ะ ว่าต้องทำ ... คือ
เลือกสิ่งที่จะถ่าย ให้ perfect ที่สุดดดดดดดดดด
แค่นั้นคงยังไม่พอ ภาพมาโครเนี่ย .... นอกจากวัตถุที่เราถ่ายจะสำคัญแล้ว
ฉากหลัง
ที่หมายถึงภาพที่จะเกิดขึ้นด้านหลังวัตถุ ก็สำคัญพอ ๆ กัน เมื่อได้วัตถุแล้ว
เราต้องเริ่มมองฉากหลังเป็นอันดับต่อไป
ฉากหลังที่ดีเป็นอย่างไร ????
คำตอบคือ .... ตอบไม่ได้ครับ ขึ้นกับวัตถุประสงค์
เอาตามตำราก่อน ... เค้าว่ากันว่า
ฉากหลังที่ดี ย่อมมีความเป็นเอกภาพ เป็นเนิ้อเดียวกัน ไม่แย่งความเด่นไปจากวัตถุที่จะถ่าย ไม่รบกวนสายตา ไม่มีความสับสนเกิดขึ้น ไม่ทำให้สมดุลของภาพเสียไป และไม่อะไรต่อไม่อะไรอีกเยอะ
เอาง่าย ๆ ว่า เลือก เนียน ๆ หน่อย แค่เนี้ยแหละ
ถ้า วัตถุ กับ ฉากหลังเลือกไม่ดี ....
ภาพมาโครของคุณ ด้อยไปแล้ว 80%
การถ่ายภาพมาโคร ในขั้นแรก ผู้ถ่ายจะต้องเข้าใจประเด็นเรื่อง
ความชัด ของภาพ ซะก่อน
คำว่า ความชัด หมายเอาอย่างตื้น ๆ ก็คือ ถ่ายภาพไม่ให้สั่น
แต่ถ้าจะหมายเอาอย่างลึกกว่านั้น นอกจากจะไม่ให้เบลอแล้ว ยังต้องชัด ในจุดที่ควรชัด
และเบลอ ในจุดที่ควรเบลอ ( RBJ อย่าเพิ่งแนะนำ blur tools นะ)
แน่นอน ถ้าจะถ่ายไม่ให้ภาพสั่น speed ชัตเตอร์เป็นเรื่องที่ไปศึกษาเอาเอง
ปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อช่วงความชัดก็คือ
ตัว C จ้า อันได้แก่ ทางยาวโฟกัส และ ช่องรับแสง
ทางยาวโฟกัส ยิ่งสั้น ช่วงความชัดจะมากกว่า ทางยาวโฟกัสที่ยาวกว่า ( อย่าจำว่า ทางยาวโฟกัสสั้น จะชัด ทางยาวโฟกัสยาวจะไม่ชัดนะ ให้จำแบบที่ให้ท่อง)
ช่องรับแสงก็เหมือนกัน ยิ่งช่องใหญ่(เลขน้อย) ช่วงความชัด จะน้อยกว่า ช่องเล็ก (เลขมาก)
อิอิ หมายความว่า
ที่ระยะเท่ากัน ถ้าใช้เลนส์มุมกว้าง ก็จะได้ความชัดมากกว่าใช้เลนส์ เทเล
ถ้าเปิด F 8 ย่อมมีช่วงความชัดมากกว่า F 2.8 เป็นแน่แท้
ภาพนี้ใช้กล้อง DSLR like ของ มินอลต้า Dimage 7i โหมดมาโคร โฟกัสไปที่ดวงตา
กล้องแคนนอน 10 ดี + มาโครทิวบ์ เบอร์ 25 + 70-200 ED canon ขาตั้งกล้อง
(รายละเอียดไม่มั่นใจเท่าไหร่) เช็คความชัดลึกให้คลุมดอกที่ชัด...จัดดอกที่ไม่ชัดให้ถ่วงน้ำหนัก ใช้ดอกชัดอยู่ในจุดตัด และวางเป็นเส้นทะแยง หาฉากหลังที่เคลียร์
มินอลต้า Dimage 7i ....โหมด A มาโคร เอฟ 8
กล้อง Canon 350D
เลนส์ Sigma 17-70, iso 200, F4.5, Speed1/800, ถ่ายที่ช่วงเลนส์ 70mm
เลนส์ Sigma 17-70, iso 200, F4.5, Speed1/800, ถ่ายที่ช่วงเลนส์ 70mm
มีเคล็ดลับเรื่องการฉีดน้ำดอกไม้มาฝากกันนิดหนึ่งครับ
เคยเห็นกระบอกฉีดน้ำที่เขาใช้ฉีดเพื่อพรมผ้าเวลารีดผ้ามั๊ยครับ....
บางครั้งผมเอาติดตัวไปถ่ายภาพมาโครด้วย......
ตรงหัวจะปรับขนาดรูที่น้ำพุ่งออกมาได้ โดยการหมุนหัวของมัน
เวลาใช้งาน เช่น ประพรมให้ดอกไม้หรือใยแมงมุมมีหยดน้ำมาเกาะ แต่ก็ต้องให้ดูเป็นธรรมชาติด้วย ผมจะปรับไปที่รูเล็กที่สุด
แต่..
แม้จะปรับจนรูเล็กที่สุดแล้วก็ตามเวลาไปฉีดพ่น ก็จะยังไม่เห็นหยดน้ำเป็นธรรมชาติ
ถ้าเราสังเกตุเห็นเวลาเรากดหัวปั๊ม จะมีกลุ่มหยดน้ำกลุ่มที่ 1 เม็ดเล็กสุดแล้วตามที่ปรับได้ จะพุ่งออกไปตามแรงที่พ่น แต่ก็ยังมีหยดน้ำอีกกลุ่มหนึ่งที่พุ่งออกมาด้วย เป็นกลุ่มเล็กๆ เม็ดเล็กกว่า คือ กลุ่มที่ 2 ซึ่งจะไม่พุ่งไปตามแรงกดมากนัก แต่จะปลิวไปตามแรงลมเบา ๆ ได้
ผมจะใช้หยดน้ำกลุ่มที่สองนี่แหล่ะครับที่จะให้ลอยไปลงบนกลีบดอกไม้ จะได้หยดน้ำที่เป็นหยดจริง ๆ โดยที่ผิวของใบหรือกลีบดอกไม่เปียกแบบแฉะเกินไป
ลองดูน่ะครับผม
เคยเห็นกระบอกฉีดน้ำที่เขาใช้ฉีดเพื่อพรมผ้าเวลารีดผ้ามั๊ยครับ....
บางครั้งผมเอาติดตัวไปถ่ายภาพมาโครด้วย......
ตรงหัวจะปรับขนาดรูที่น้ำพุ่งออกมาได้ โดยการหมุนหัวของมัน
เวลาใช้งาน เช่น ประพรมให้ดอกไม้หรือใยแมงมุมมีหยดน้ำมาเกาะ แต่ก็ต้องให้ดูเป็นธรรมชาติด้วย ผมจะปรับไปที่รูเล็กที่สุด
แต่..
แม้จะปรับจนรูเล็กที่สุดแล้วก็ตามเวลาไปฉีดพ่น ก็จะยังไม่เห็นหยดน้ำเป็นธรรมชาติ
ถ้าเราสังเกตุเห็นเวลาเรากดหัวปั๊ม จะมีกลุ่มหยดน้ำกลุ่มที่ 1 เม็ดเล็กสุดแล้วตามที่ปรับได้ จะพุ่งออกไปตามแรงที่พ่น แต่ก็ยังมีหยดน้ำอีกกลุ่มหนึ่งที่พุ่งออกมาด้วย เป็นกลุ่มเล็กๆ เม็ดเล็กกว่า คือ กลุ่มที่ 2 ซึ่งจะไม่พุ่งไปตามแรงกดมากนัก แต่จะปลิวไปตามแรงลมเบา ๆ ได้
ผมจะใช้หยดน้ำกลุ่มที่สองนี่แหล่ะครับที่จะให้ลอยไปลงบนกลีบดอกไม้ จะได้หยดน้ำที่เป็นหยดจริง ๆ โดยที่ผิวของใบหรือกลีบดอกไม่เปียกแบบแฉะเกินไป
ลองดูน่ะครับผม
ขอจบตอนนี้ไว้เท่านี้นะครับเจอกันตอนหน้าครับ